สายลับ เรามักจะพบเห็นในภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับการสืบสวน
สายลับ เรามักจะพบเห็นในภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับการสืบสวน มักจะมีคนร้ายเป็น “สายลับ”
ให้กับฝ่ายตำรวจอยู่เสมอ ๆ แม้ปัจจุบันตำรวจ หรือนักสืบก็ยังใช้สายลับอยู่
ดังนั้นคำว่า “สายลับ” นั้นจะต้องมีคุณสมบัติ ที่ฝ่ายเราไว้วางใจได้ หากนักสืบไม่ซื่อสัตย์กับฝ่ายเรา อันตรายย่อมเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อดังนั้น “นักสืบ” จึงมีประโยชน์ ถ้ารู้จักวิธีใช้ให้เหมาะสม จะทำให้รู้แผนการของคนร้าย หรือรู้รายละเอียดของผู้กระทำผิด ตัวการ ผู้สนับสนุน และวิธีการอันอาจหาพยานหลักฐานที่จะใช้อ้างยืนยัน “การกระทำผิด” อีกทั้งทำให้ฝ่ายเรา สามารถจับตัวคนร้ายได้โดยรวดเร็วและไม่ผิดตัว
หลักในการเลือกสายลับ มีวิธีดังนี้
- ใช้หมู่แมวมองไปเลือกดูในเขตพื้นที่ โดยคนที่นำมาเป็นนักสืบนั้น ต้องพิจารณาความเหมาะสม เเละตามความถนัดของบุคคลนั้น ๆ
- ใช้วิธีเข้าไปคุยตีสนิท ให้ความสนิทสนมกับเขา เพื่อทำความรู้จักว่าบุคคลนั้นเป็นคนชนิดใด มีภาวะจิตใจเป็นอย่างใด สามารถที่จะทำงานให้เราได้หรือไม่ เพื่อรู้เจตนารมณ์ว่าจะมาทำงานให้เราได้หรือไม่ และเขาต้องการอะไร
- เมื่อได้ตัวคนที่เป็นนักสืบแล้ว ต้องนำมาฝึกหัด(Train) เพื่อใช้ในการปฏิบัติงาน
- Operation เป็นขั้นตอนของการนำสายไปปฏิบัติงาน
การปฏิบัติงานของ”สายลับ”
“สายลับ” ที่ดีจะต้องใช้เมื่อมีความจำเป็น และจะต้องเข้ากับเป้าหมายได้ อีกทั้งต้องปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ของฝ่ายเรา การทำงานไม่ใช้คนเดียวเสมอไป บางครั้งต้องใช้นักสืบอย่างน้อย 2 คน หรือ 2สาย เพื่อให้มีการตรวจสอบข่าว หรือได้ข่าวมายืนยันว่าข่าวนั้นเป็นจริงหรือไม่ และทั้ง 2 คนจะต้องไม่รู้จักกัน คือต่างคนต่างก็ปฏิบัติงาน บางครั้งการทำงานของสายลัจำเป็นต้องมี Cut out หมายความว่า เมื่อเขานำข่าวมาจะต้องส่งกับบุคคลที่ไม่รู้อะไรเลย แล้วจะมีคนไปเอาข่าวมาแจ้งฝ่ายเราอีกทอดหนึ่ง เพื่อความปลอดภัย
วิธีได้ข่าวจากสายลับอาจแยกเป็น 4 กรณี คือ
- กรณีแรก ได้แก่ ใช้คนนำส่งและให้คนไปรับ
- กรณีที่สอง มักเป็นสถานที่ คือ การให้นำข่าวไปไว้ให้ตามสถานที่ที่กำหนดไว้เช่น เช่าตู้ ปณ. พอเขียนข่าวเสร็จก็ใส่ตู่ไว้ พอถึงกำหนด ก็จะมีคนไปไขตู้รับข่าว ประโยชน์คือทำให้ปลอดภัยแก่ผู้รับ เเละผู้ส่ง
- กรณีที่สาม การติดต่อส่งข่าวสารทางโทรศัพท์มือถือ ซึ่งปัจจุบันสะดวกรวดเร็ว แต่ต้องระมัดระวังการใช้โทรศัพท์ บางครั้งหากใช้เครื่องจดทะเบียนก็อาจถูกตรวจสอบได้ ควรใช้ระบบโทรศัพท์ที่ไม่ต้องจดทะเบียน
- กรณีที่สี่ กรณีอื่น ๆ อาจส่งทางโทรสาร ส่งทาง E-mail ส่งทางอินเตอร์เน็ต โดยห้องสนทนา แค่ใช้รหัสที่รู้เพียง 2 ฝ่ายก็ย่อมทำได้
การทำงานในรูปสายลับต้องยึดหลัก 4 ประการ คือ
- Economic หลักประหยัด นักสืบทั้งหลายต้องการเงิน เหตุนี้เราจำเป็นต้องมี Cut out เพื่อไม่รู้ว่าเขาต้องส่งข่าวให้ใครแน่ และอย่าตามใจสายลับมากเกินไป
- Effectives ต้องมีผลงาน
- Efficiency ต้องมีประสิทธิภาพ
- Equity ต้องมีความเป็นธรรม
การเตรียมตัวพบกับสายลับ
- เราต้องรู้ว่าการที่ฝ่ายเราไปพบกับสายลับ ต้องถามว่าฝ่ายเราต้องการอะไรจากสายลับ โดยต้องเตรียมหัวข้อ และบันทึกรายละเอียดไว้ให้ครบ เเละประเด็นที่ต้องการให้นักสืบดำเนินการ
- ต้องรู้และทราบประวัติของนักสืบเพียงพอที่จะมอบหมายงานให้
- ต้องมีการนัดหมายล่วงหน้า และบอกให้รู้ว่าเป็นพวกเดียวกัน เพราะทางปฏิบัติหากว่าเราไม่เคยพบสายลับมาก่อน จะต้องมีการนัดหมาย หรือต้องมีการกำหนดเครื่องหมาย “บอกฝ่าย” อาจมีสัญญาณบอกฝ่ายจะไปยืนยันว่าเป็นพวกเดียวกัน
- ขณะพูดคุยนั้น พยายามตรวจสอบอารมณ์ ความรู้สึกว่าจิตใจของนักสืบว่าเป็นยังไง ยังจะร่วมทำงานกับเราอยู่หรือไม่ ซึ่งจะต้องใช้จิตวิทยาในการซักถามพูดคุยกัน
- พยายามตั้งอยู่ในความยุติธรรม พิจารณาจากความเป็นจริง เพราะสายบางคนรายงานเกินความจริง
- การควบคุมสายลับพยายามให้รู้สึกอบอุ่นใจ และได้รับความคุ้มครองจากฝ่ายเรา
- พยายามทำให้สายลับพูดมาก และให้ฝ่ายเราเป็นผู้ฟังให้มาก อย่าแสดงกิริยาเบื่อที่จะฟังสายลับพูด พยายามเก็บข้อมูลให้ได้
- การเตรียมตัวถาม ต้องเตรียมการถามจากง่ายไปหายาก อย่าแสดงตัวเป็นนาย หรือเป็นครู ต้องเป็นกันเองให้มากที่สุด
- คำถามที่ถาม ถ้าสายตอบมาไม่ละเอียดชัดเจน จะต้องให้นักสืบอธิบายคำตอบให้ชัดเจน พยายามเลี่ยงคำถามที่ก่อให้เกิดปัญหา ใช้คำถามง่าย ให้แยกความเห็นกับความจริง หรือข้อเท็จจริงไว้
- ข้อพึงระวัง อย่าพบนักสืบผิดตัว เพราะหากฝ่ายคนร้ายไหวตัว ก็อาจส่งผู้อื่นมาแทนสายลับ และฝ่ายเราอาจถูกกลลวงได้ง่าย ซึ่งอันตรายอาจเกิดขึ้นได้
การสืบสวนในลักษณะสายลับ (Undercover)
การสืบสวนในลักษณะนักสืบ คือ กรรมวิธีทางการสืบสวนวิธีหนึ่ง ซึ่งใช้วิธีปลอมแปลง และ
อ้างข้อแก้ตัวกลบเกลื่อนต่าง ๆ เพื่อทำให้ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นอาชญากรไว้วางใจ ทั้งนี้เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
- เพื่อจะทราบว่ากำลังมีการวางแผนเพื่อประกอบอาชญากรรม หรือมีการประกอบอาชญากรรมนั้นแล้วหรือไม่
- เพื่อให้ทราบผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
- เพื่อหาพยานหลักฐานแสดงต่อศาล
- เพื่อค้นหาของผิดกฎหมายหรือทรัพย์สินที่ถูกขโมย
- เพื่อกำหนดเวลาที่เหมาะสม สำหรับเข้าจู่โจมสถานที่ที่ตัวการซอบมามั่วสุม หรือเพื่อเข้าจับกุมตัวการสำคัญ
การสืบสวนวิธีนี้ผู้ปฏิบัติดำเนินการต่าง ๆ อันเป็นการปลอมแปลง และอ้างข้อแก้ตัวดังนี้
- ละทิ้งหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับทางราชการ เช่น เครื่องหมายที่เป็นแผ่นเหรียญ แหนบ เข็ม หรือกระดุมประดับเครื่องแบบ ตลอดจนเก็บบัตรประจำตัวที่บอกถึงตำแหน่งหรืออำนาจหน้าที่เสีย
- ไม่พกบรรดาบัตร จดหมาย สมุดบันทึก และสิ่งอื่น ๆ ที่อาจทำให้เกิดความสงสัย ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับทางราชการ หรือที่สามารถสืบสวนย้อนไปยังแหล่งที่มาของสิ่งเหล่านั้นได้ นอกจากว่าสิ่งเหล่านั้นจะตรงกับเรื่องราวภูมิหลังที่สร้างขึ้น
- แสร้งทำเป็นผู้มีอุปนิสัยตรงกันกับผู้ต้องสงสัย และท้องถิ่นที่สมมุติขึ้น
- เรื่องราวที่นำมาอ้างเป็นฉากบังหน้า เลือกมุ่งที่อยู่ห่างไกลที่ท่านรู้จักดี เป็นถิ่นเดิมของท่าน หากทำได้ควรเป็นเมืองที่ผู้ต้องสงสัยไม่ทราบ ไม่เคยได้ยินชื่อ พยายามคัดเลือกข่าวที่ปราศจากมูลความจริง ที่ผู้ต้องสงสัยไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจริงหรือไม่ทันที
บุคคลที่สำคัญ 1 ที่อ้างเป็นฉากบังหน้า ควรใช้บุคคลที่นัดกันไว้ สามารถกล่าวยืนยันเรื่องราวดังกล่าวได้ เผื่อว่าในกรณีผู้ต้องสงสัยจะสืบสวนเรื่องราวภายหลัง
5. การแต่งกายเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง จะต้องเหมาะสมกับอุปนิสัยที่เลือก และต้องกลมกลืนกับท้องถิ่นของผู้ต้องสงสัย ต้องตรงกับเรื่องราวที่เป็นฉากบังหน้า ระวังเรื่องคุณภาพ ราคา ยุคสมัย ความเหมาะสม และความสะอาด อีกทั้งต้องลบเครื่องหมายที่ร้านซักรีดทำขึ้น หรือทำให้สอดคล้องกับชื่อ ตำบล ที่อยู่ และรายละเอียดต่าง ๆ ต้องสอดคล้องกับที่กำหนดขึ้น
6. ค่าครองชีพ ควรระบุอาชีพหนึ่งอาชีพใดตามที่เลือกรวมไว้ในเรื่องราวภูมิหลัง หากเลือกอาชีพที่ต้องใช้เครื่องมือประกอบอาชีพ ก็ให้จัดหาเครื่องมือ หีบเก็บเครื่องมือ ฯลฯ ที่มีสภาพเก่า ๆ ให้กลมกลืนกับสถานการณ์ที่สร้างขึ้นมา อย่าเลือกอาชีพ หรือการค้าที่ตนไม่รู้จักมักคุ้นกับวิธีการ รวมทั้งศัพท์เฉพาะของอาชีพนั้นก็ต้องศึกษาไห้ดี
7. เอกสารแนะนำตัวต่าง ๆ พกบัตรประจำตัวปลอม จดหมายที่ทำขึ้นโดยใช้ชื่อ และตำบลที่อยู่ตามเรื่องราวภูมิหลังที่สร้างขึ้นมา
ในการสืบสวนวิธีนี้ นอกจากผู้สืบสวนจะต้องปลอมแปลง และอ้างข้อแก้ตัวดังที่กล่าวมาแล้ว
นั้น ยังไม่เป็นการเพียงพอที่จะทำให้การสืบสวนได้ผลดี ผู้สืบสวนซึ่งทำหน้าที่เป็นนักสืบยังจำเป็นต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ในสาระสำคัญดังต่อไปนี้
- เกี่ยวกับตัว ผู้ต้องสงสัย ผู้เป็นสายลับจะต้องศึกษาให้รู้ประวัติ และพื้นเพของเขาว่าเขาทำอะไรบ้างในอดีต ปัจจุบัน และศึกษาถึงอาชญากรรมที่กำลังถูกสงสัยในปัจจุบัน
- เกี่ยวกับ ย่านหรือตำบล ผู้เป็นนักสืบจะต้องศึกษาให้รู้ว่าเป็นย่านธุรกิจ ย่านพำนักอาศัย ประเภทกิจกรรมต่าง ๆ ในย่านนั้น ๆ ประเภทบุคคลที่พำนักอาศัย ประเภทเครื่องแต่งกายความประพฤติ ภาษาพูดและอาชีพที่พบเห็นกันอยู่ทั่วไปในย่านนั้น ๆ
- เกี่ยวกับ ตัวของนักสืบ จะต้องไม่แสดงตนโอ้อวด หรืออ้างตนว่าเป็นคนสำคัญ เพราะอาจทำให้ท่านต้องตกอยู่ในฐานะที่พิสูจน์ให้เห็นจริงไม่ได้ หากมีการพิสูจน์ทีหลัง อย่าใช้เงินมากกว่าปกติวิสัยของสถานการณ์ที่ท่านแสดงอยู่ ไม่เข้าร่วมประกอบอาชญากรรมหรือละเมิดกฎหมายใด ๆ โดยผู้บังคับบัญชาหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไม่ทราบ หรือไม่ได้รับอนุญาตให้กระทำ อย่ายอมจำนวนต่อหลักฐานใด ๆ เป็นอันขาด พยายามหลีกเลี่ยงไม่ไปยังสถานที่ที่อาจมีผู้รู้จัก พยายามหลีกเลี่ยงไม่พบบุคคลที่ท่านรู้จัก หรือรู้จักท่าน ไม่ควรเข้าจู่โจมผู้ต้องสงสัยก่อนได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชา เว้นไว้แต่ว่าตกอยู่ในสถานการณ์ซึ่งไม่สามารถจะติดต่อกับผู้บังคับบัญชาได้ทันท่วงที และเห็นว่าจำเป็นต้องปฏิบัติการดังกล่าวโดยทันที ในกรณีสายลับถูกตำรวจจับควรได้รับคำแนะนำจากผู้บังคับบัญชาก่อนเปิดเผยความจริง นักสืบควรกำหนดวิธีการติดต่อสื่อสารกับศูนย์บัญชาการ ตลอดตนเจ้าหน้าที่ผู้ร่วมงานต่าง ๆ ไว้ล่วงหน้าให้เป็นที่เรียบร้อย
อ่านบทความน่าสนใจถัดไป หลักฐานฟ้องชู้ ควรรู้อะไรบ้าง?